ที่มา: คณะทำงานบริษัท มาร์เก็ตเมทริกซ์ เอเชีย จำกัด
แนะนำ 5 อุตสาหกรรม SME ไทยมีศักยภาพส่งออก
อินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ต่อหัวและจำนวนประชากร การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาของนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยประเทศอินเดียมีหลายเมือง/มลรัฐ จึงมีความเกี่ยวข้องกับหลายภาษา วัฒนธรรม และรสนิยมที่แตกต่างกัน ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายต่อการโฆษณาและการทำตลาดทั่วประเทศ จำเป็นต้องปรับผลิตภัณฑ์และปรับเปลี่ยนแนวทางการตลาดให้เหมาะกับรสนิยมและความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมายแต่ละภูมิภาค และยังทำให้การจัดการการจัดจำหน่ายทั่วอินเดียทำได้ยากขึ้น โดยโอกาสในการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการไทยอาจเลือกเจาะจงไปยังอินเดียใต้ เนื่องจากเศรษฐกิจของรัฐอินเดียใต้มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาและมีอัตราในการเติบโตที่เร็วกว่ารัฐทางตอนเหนือ อีกทั้งอินเดียกำลังเปิดท่าเรือ Vizhinjam (คาดว่าจะเปิดใช้งานปี 2024) ซึ่งเป็นท่าเรือนานาชาติแห่งใหม่ในเมืองธิรูวานันทปุรัม (Thiruvananthapuram) รัฐเกรละ (Kerala) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้สุดของอินเดีย เพื่อการเชื่อมโยงการผลิตและการค้าระหว่างกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (East-West Shipping Route) อีกทั้งชาวอินเดียยังมองว่าสินค้าและอาหารจากไทยนั้นมีความคุ้มค่าและคุ้มราคา รวมทั้งรัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมให้ต่างชาติมาลงทุนในหลายอุตสาหกรรมฯ มีนโยบายพัฒนาเร่งโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคครบครัน
ประเทศอินเดียเป็นที่รู้กันดีว่ามีประชากรมังสวิรัติจำนวนมาก จากจำนวนประชากรกว่า 400 ล้านล้านคนของอินเดียรับประทานมังสวิรัติ สำหรับตลาดอาหารมังสวิรัติที่สำคัญในประเทศอินเดียส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตอนกลาง ตะวันตก และตอนเหนือของประเทศ อีกทั้งตลาดอาหารมังสวิรัติยังขยายตัวจากชาวอินเดียที่หันมารับประทานมังสวิรัติเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำฟาร์มปศุสัตว์ก็เริ่มเลือกบริโภคอาหารที่ทำจากพืชทดแทนเนื้อสัตว์มากขึ้น กลุ่มสินค้าอาหารมังสวิรัติที่มีศักยภาพในตลาดอินเดีย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร (Meal Replacement) ขนมขบเคี้ยวจากผลไม้ (fruit Snacks) วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Vitamins & Dietary Supplements) รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรสที่ผลิตจากพืช อาทิ ผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว เมล็ดพืช และพืชตระกูลถั่ว เช่น พาสต้า แซนด์วิช ไส้กรอก เบอร์เกอร์ แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ข้าวจากผัก ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว เคบับ เป็นต้น โดยยังมีการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์นมจากพืชจะครองแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในบรรดากลุ่มอาหารจากพืชทั่วประเทศอินเดียในปี 2030 (Statista, 2023)
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าอาหารมังสวิรัติไปยังประเทศอินเดียต้องผ่านการรับรองหน่วยงานความปลอดภัยและมาตรฐานด้านอาหารของอินเดีย (FSSAI) แล้วต้องมีการแสดงเครื่องหมายอาหาร Vegan อย่างชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถส่งออกอาหารมังสวิรัติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อัญมณีและเครื่องประดับสำหรับการสวมใส่เพื่อฉลองงานแต่งงานครองส่วนแบ่งในตลาดอินเดียร้อยละ 60 และยังมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนคู่แต่งงานที่มีเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี รองลงมาคือการสวมใส่ในชีวิตประจำวันร้อยละ 30 (Statista, 2023) ดังนั้น กลุ่มที่มีศักยภาพในตลาดเครื่องประดับของอินเดียคือ คู่บ่าวสาว โดยงานแต่งงานของอินเดียทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวรวมทั้งแขกจะนิยมสวมเครื่องประดับหรูหราอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงถึงฐานะและความมั่งคั่งของตน ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไทยสามารถวางแผนส่งออกล่วงหน้าเพื่อให้ทันจำหน่ายก่อนช่วงฤดูกาลแต่งงานของอินเดีย และมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคู่บ่าวสาว ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการจับจ่ายซื้อเครื่องประดับมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้บริโภคอีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งนิยมสวมใส่เครื่องประดับเงินดีไซน์ทันสมัย สำหรับเครื่องประดับเงินที่ชาวอินเดียนิยมมากที่สุด คือ สร้อยข้อเท้า ปัจจัยสำคัญมาจากกลุ่มมิลเลนเนียลในอินเดียเปิดรับกระแสแฟชั่นจากต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงสินค้าเครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ ผลิตจากพลอยสีเม็ดเล็ก ๆ ทำเป็นต่างหู หรือจี้ ใส่ได้หลายโอกาสเหมาะกับการแต่งกายหลายแนว ราคาไม่สูงมาก ก็เป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มดังกล่าวได้ดี
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีไปประเทศอินเดีย โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาต หรือเอกสารใดที่สำคัญ ยกเว้นสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีบางประเภทที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบการนำเข้าที่อินเดียกำหนดไว้ เช่น การขอใบรับรองการผลิตอันตราย ในกรณีที่เครื่องประดับผลิตจากเหล็กหรือโลหะมีอัลลอย เป็นต้น
ชาวอินเดียมีแนวโน้มที่จะขยายที่อยู่อาศัยในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรอง แนวคิดเรื่องการเป็นเจ้าของและการดูแลสัตว์เลี้ยงถือเป็นปรากฏการณ์ในเมืองใหญ่ในอินเดีย ดังนั้นการเติบโตของตลาดจึงขึ้นอยู่กับจังหวะการขยายตัวของเมืองเป็นหลัก อีกทั้งการอาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยวในกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล จำนวนเด็ก และผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ได้นำไปสู่การรับเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นในอินเดีย และแม้ว่าผู้เลี้ยงสัตว์มักจะหาอาหารง่าย ๆ ในบ้านให้สัตว์เลี้ยง แต่ก็มีไม่น้อยที่ต้องการหาซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปให้มากกว่า อีกทั้งผู้บริโภคชาวอินเดียเริ่มยอมรับแนวคิดที่ว่าสัตว์เลี้ยงต้องการอาหารที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ สุขภาพ และการเจริญเติบโต จึงทำให้อุปสงค์ในอาหารสัตว์เลี้ยงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย โดยสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ชาวอินเดียนิยมเลี้ยงมากที่สุด ส่วนใหญ่มีความต้องการอาหารสุนัขแบบแห้งราคาประหยัด แต่คาดว่าอาหารสุนัขแบบแห้งราคาพรีเมี่ยมจะเริ่มมีอัตราการเติบโตตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคชาวอินเดียหลังการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้เริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพของสุนัขมากขึ้น ในขณะที่แมวมักได้รับความนิยมจากคู่รักหนุ่มสาว และครอบครัวเดี่ยวที่มีรายได้สูง อาหารแมวแบบแห้งราคาพรีเมี่ยมจึงมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด อีกทั้งกลุ่มคนเลี้ยงแมวยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงสำหรับการนำเสนอสินค้าอาหารและขนมขบเคี้ยวระดับพรีเมี่ยม
ทั้งนี้ อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าอินเดียมีราคาแพง และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากไม่สามารถหาซื้อได้ ผู้ประกอบการไทยควรใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้า AIFTA ที่อินเดียลดภาษีนำเข้าจากไทยจนเหลือร้อยละ 0 และเพิ่มมาตรฐานการผลิตสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการขอเครื่องหมาย มอก. หนังสือรับรองสุขอนามัย และลงทะเบียนกับหน่วยงาน FSSAI ของอินเดีย
เนื่องจากมีจำนวนเด็กเกิดใหม่ในอินเดียประมาณ 20-25 ล้านคน สินค้าสำหรับทารกจึงเติบโตต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปอีกหลายปี โดยเฉพาะในรัฐพิหาร อุตระประเทศ มัธยประเทศ และ คุชราต อีกทั้งรายได้ที่เพิ่มสูงมากขึ้นของประชากร ประกอบกับคนอินเดียรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยและความสะอาดของทารกมากขึ้น ผู้ปกครองเหล่านี้จึงเลือกลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของบุตร รวมไปถึงการตระหนักรู้เพิ่มขึ้นของผู้ปกครองอินเดียเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติสูงสำหรับผิวของทารก แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์นอกจากจะต้องสร้างความแตกต่างกับสินค้าในตลาดแล้ว สินค้าออร์แกนิคและสมุนไพรก็กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวอินเดียรุ่นใหม่ และหากวัสดุที่ใช้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จะช่วยดึงดูดผู้ปกครองที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในอินเดียอีกด้วย ทั้งนี้ สินค้าสำหรับทารกจะต้องออกแบบเฉพาะสำหรับผิวบอบบางและอ่อนโยน โดยอาจมุ่งเน้นไปที่การให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิว สบายผิว ในขณะที่การออกแบบสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อาหาร เสื้อผ้า รองเท้า ของเล่น ภาชนะต่าง ๆ และของใช้เพื่อทำความสะอาด จะต้องมีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดให้สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมที่กำลังโตขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการการนำเข้าสินค้าสำหรับทารกของประเทศอินเดียมีลักษณะใกล้เคียงกับมาตรการสินค้าทั่วไป ผู้ประกอบการต้องขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในขณะที่ผู้ส่งออกสินค้าประเภทอาหารสำหรับเด็กจะต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงาน FSSAI ของอินเดีย เพื่อให้สินค้านำเข้าไปจำหน่ายในอินเดียได้
เครื่องสำอางที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศอินเดีย กลุ่มคนรุ่นใหม่ Millennials และ Gen Z เป็นกลุ่มประชากรหลักที่หันไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สารสกัดจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์วีแกนที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ อาทิ น้ำมันม้า น้ำผึ้ง รกแกะ ซึ่งมักจะควบคู่มากับคำว่า Cruelty Free หมายถึงเครื่องสำอางที่ไม่มีการทดลองในสัตว์ หรือการใช้แรงงานสัตว์ และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในอินเดียยังเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ชายที่ใส่ใจความงามไม่แพ้ผู้หญิง เช่น สกินแคร์ การแต่งหน้า การแต่งกาย น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การอาบน้ำ และการดูแลช่องปาก เป็นต้น ซึ่งแนวทางการเลือกใช้ส่วนผสมของเครื่องสำอางไทยในการเจาะตลาดอินเดีย อาจเน้นส่วนผสมจากสมุนไพรไทยและผลไม้เมืองร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยและสครับสมุนไพรของไทยเป็นหนึ่งในสินค้าที่คนอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมักจะเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก และน้ำมันหอมระเหยยังเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางนำเข้าจากไทยมากที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับด้านการผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพดี รวมถึงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ป้องกันรังสียูวี เพิ่มความกระจ่างใส ยังเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของอินเดียในหลายภูมิภาคที่มีอากาศร้อนยาวนาน โดยภูมิภาคที่น่าสนใจคืออินเดียภาคกลาง ภาคตะวันตก และตอนใต้ซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ของผู้ผลิตผ่านผู้นำเข้าเครื่องสำอางของอินเดียต้องจดทะเบียนกับ CDSCO ยกเว้นผู้ประกอบการที่จ้างผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ของอินเดียบรรจุสินค้าใหม่ (Repackaging) หรือการนำเข้าผลิตต่อยอดเพื่อการส่งออกสินค้าจากอินเดีย นอกจากนี้ สินค้าส่งออกภายใต้แบรนด์จะต้องติดฉลากแสดงรายละเอียดสินค้าทั้งกล่องด้านในและด้านนอกภายใต้กฎเครื่องสำอาง 2020 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการนำเข้าของอินเดีย