โอกาสและความท้าทายทางตลาดจากความตกลง RCEP
ความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) คือ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจโดยมีเป้าหมาย เพื่อลดอากรศุลกากรระหว่างประเทศภาคีให้เหลือน้อยที่่สุด หรือขจัดออกให้เป็นร้อยละ 0 ประกอบกับการกำหนดอัตราอากรศุลกากรปกติที่สูงกว่ากับประเทศนอกภาคี ทั้งนี้ โดยทั่วไปความตกลงการค้าเสรีในปัจจุบันจะครอบคลุมในประเด็นการเปิดเสรีการค้าสินค้า (Goods) โดยการลดอากรศุลกากรและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีเป็นหลัก รวมไปถึงการเปิดเสรีการค้าบริการ (Services) การลงทุน (Investment) และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ (Cooperation) ด้วย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME สามารถส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งที่เป็นประเทศที่เป็นประเทศภาคีและไม่ใช่ภาคีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีที่ประเทศไทยจัดทำหรือเข้าร่วม ตามความประสงค์ของผู้ประกอบการ แต่หากต้องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าที่ประเทศได้มีการจัดทำหรือเข้าร่วม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของเกณฑ์ภายใต้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) เนื่องจากหากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าได้ ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือการลดอัตราอากรศุลกากรขณะนำเข้าไปยังประเทศปลายทางที่เป็นภาคีในความตกลง แม้ว่าสินค้าดังกล่าวจะอยู่ในรายการที่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรศุลกากรก็ตาม
แนวทางการใช้ประโยชน์จาก FTA ของ SME
ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าสินค้าที่ต้องการส่งออก มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และได้รับสิทธิลดหย่อน หรือยกเว้นภาษีนำเข้าภายใต้ FTA หรือไม่ ผ่านระบบ ROVERS (Rules of Origin Verification System) ละเอียดการใช้สิทธิระดับประเทศ (ประเทศคู่ภาคีที่ต้องการนำเข้าหรือส่งออกด้วย ภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ) สามารถตรวจสอบได้ผ่าน ฐานข้อมูลพิกัดศุลกากรที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีความตกลงการค้าเสรี | แบบฟอร์มหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า |
---|---|
สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) | Form A |
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (ATIGA/AFTA) | Form D |
สิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (GSTP) | Form GSTP |
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) | Form E |
ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) | Form FTA |
ความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย (TIFTA) | |
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) | Form JTEPA |
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) | Form AJ |
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) | Form AK |
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) | Form AI |
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) | Form AANZ |
ความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู (TPCEP) | Form TP |
ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี (TCFTA) | Form TC |
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) | Form AHK |
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) | From RCEP |
ความตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา (SLTFTA)* | – |
ความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP)** | – |
หมายเหตุ: * ความตกลง SLTFTA ลงนามแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567)
** ผู้ผลิต หรือผู้ส่งออกของไทย หรือบุคคลในประเทศที่สาม (Third Party) ที่ได้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนของผู้ผลิตของไทย สามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ผลิตและส่งออกจากไทยด้วยตนเองบนอินวอยซ์ (Invoice) โดยไม่ต้องให้หน่วยงานของราชการรับรองเพื่อส่งไปให้ลูกค้าในนิวซีแลนด์ใช้แสดงต่อศุลกากรของนิวซีแลนด์ในการขอลดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้านิวซีแลนด์ภายใต้ TNZCEP
บทความแนะนำ เมกะเทรนด์
ข้อบังคับการออกแบบนิเวศน์เพื่อผลิตภัณฑ์ยั่งยืน https://youtu.be/nKKk8ZHDlp4 Eco-design เป็นกฏระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป มาจากคำว่า “Ecological Design” และ “Economic” หมายความคือ กระบวนการที่ผสมผสานแนวคิดระหว่างเศรษฐกิจเข้ากับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ จนกระทั่งขั้นตอนการทำลายหรือการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ตอนแรก โดยมีหลักการคือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนประเด็นด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเช่น ความทนทาน ความสามารถในการซ่อมแซม และการรีไซเคิล ซึ่งจะควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยด้านอื่น ๆ ได้แก่ ต้นทุน กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ และการตลาด เป็นต้น จากผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับประเภทผลิตภัณฑ์ภายใต้แผนการทำงานฉบับแรกเมื่อ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแผนการทำงานฉบับแรก มีดังนี้ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ยางรถยนต์ น้ำยาซักผ้า สี น้ำมันหล่อลื่น เหล็ก และเหล็กกล้า อะลูมิเนียม เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง แต่มีศักยภาพในการปรับปรุงสินค้าให้กลับมาใช้ได้อีกตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน […]
โอกาสและความท้าทายทางตลาดจากความตกลง ACFTA https://youtu.be/8MxMFHqhwdo ในปีพ.ศ. 2545 ผู้นำอาเซียนและจีนลงนามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน – จีน ที่มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้า การค้าบริการและการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่าง ๆ หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2558 ทั้งสองได้ลงนามพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและความตกลงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ.2559 ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 ทั้งสองต่างเห็นพ้องที่จะเริ่มหารือการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม โดยร่วมกันพิจารณาปรับปรุงความตกลง ฯ แบบองค์รวม (Holistic Manner) โดยพิจารณาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมสาขาอื่น ๆ ด้วย อันได้แก่ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการลดอุปสรรคอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษี เป็นต้น จีนลดภาษีศุลกากรให้แก่สินค้าของอาเซียนครอบคลุมทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ส่งผลให้สินค้าไทยได้แต้มต่อด้านราคาจึงมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยสินค้าที่จะได้รับประโยชน์จาก ACFTA ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เคมีภัณฑ์อินทรีย์ สารแอลบูมินอยด์ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาบางชนิด หนังฟอก เครื่องจักรบางชนิด และอุปกรณ์เครื่องใช้ทางการแพทย์ เป็นต้น ทั้งนี้ หาก […]