loader
เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technological)


เปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยี 5G สู่ 6G

      จากแนวโน้มคาดดการณ์ Hype Cycle ของ Gartner (2021) ดังแสดงใน แผนภาพแผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี 5G สู่ 6G ภายในระยะเวลา 5-10 ปี เทคโนโลยีการสื่อสารทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายจาก 5G สู่ยุค 6G ซึ่งมีความเร็วในการถ่ายโอนสูงกว่าถึง 8,000 เท่า รวมทั้งเทคโนโลยี Edge และ Wifi-6 และ 7 ที่จะถูกพัฒนาพร้อมใช้งานประมวลผลข้อมูลผ่านเครือข่ายที่ใกล้ผู้ส่งหรือปลายทางผู้รับมากที่สุด อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาคอขวดของการสัญญาณและการไหลของข้อมูล ทำให้สามารถสื่อสารข้อมูลแบบ Streaming และข้อความแจ้งเตือน (Notification) ผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารและป้ายโฆษณาดิจิทัลต่างๆ การนำมาใช้เพื่อพัฒนาระบบติดตามผลการให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งใช้เป็นสัญญาณติดตามยานพาหนะที่ใช้บริการบนทางพิเศษเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับบริหารเส้นทางและการจราจรทั้งในแนวยกระดับและแนวราบ การติดตาม ตรวจสอบ ย้อนทานในระบบโลจิสติกส์และติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ได้ง่าย และครอบคลุมมากขึ้น ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่ยังรวมถึงต่างประเทศอีกด้วย ด้วยการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี IoT รวมถึงการใช้เซนเซอร์ควบคุมไปถึงตัวกล่องสินค้า อุณหภูมิ ความชื้น และแรงกระแทก ที่สำคัญ คือ การนำสู่ระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้าอัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์ในการควบคุมอีกต่อไปในอนาคต

แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี 5G สู่ 6G

      เทคโนโลยีดังกล่าวส่งผลต่อสายโซ่คุณค่าของผู้ประกอบการ SME ทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การบริหารคลังสินค้าทั้งวัตถุดิบไปจนถึงสินค้าที่ผลิตเสร็จสิ้นสมบูรณ์ การบริหารการขนส่งโลจิสติกส์ ระบบบัญชีและการเงิน การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าตั้งแต่รับคำสั่งซื้อจนถึงการรับประกันสินค้า ผ่านการเชื่อมโยงทั้งระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SME ที่เป็นคู่ค้าหรือรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เพื่อควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการทั้ง

ที่มารูปภาพ: dotbeto.com

      เพิ่มเติมประโยชน์จากการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันต่อการณ์มากขึ้น ยังก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าผ่านกิจกรรมด้านการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ และสร้างแบรนด์แบบไร้พรมแดน อาทิ การนำเสนอตัวอย่างสินค้าเสมือนผ่านโชว์รูปหรือร้านค้าเสมือนต้นแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Virtual Reality: VR หรือ Augmented Reality: AR) ในรูปแบบ Hologram มาใช้ในการทำตลาดแบบ Holographic Marketing

IoT / Automation

     เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things) หมายถึง เครือข่ายรวมของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันและเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์กับระบบคลาวด์ ตลอดจนระหว่างอุปกรณ์ด้วยกันเอง ซึ่งปัจจุบันมีราคาลดลงจนสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมระดับ SME ด้วยความเติบโตของ Smart Sensor ต่าง ๆ เทคโนโลยี IoT ภายใต้แนวคิด CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ซึ่งจะเข้ามาช่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการผู้ใช้บริการได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากความแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรมภาคการผลิตแล้วนั้น ยังนิยมประยุกต์ใช้เป็นระบบการควบคุมและติดตามที่เกิดขึ้นในกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบตรวจเช็คสภาพรถขนส่ง การลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม  เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น IoT สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ (Automation) ต่าง ๆ ทั้งรูปแบบและแพ็กเกจการให้บริการที่เหมาะสม ทำให้การสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ในขณะที่เกิดประสิทธิภาพและลดความสูญเสียจากความผิดพลาดของแรงงานคนลงได้อย่างมาก ดังแสดงแนวโน้มการเติบโตใน แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี IoT

      ในขณะที่มิติด้านการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์นั้น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ทุกอย่างเป็นไปภายใต้ระบบ Smart Application ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบ Smart Home / Smart Office ไปจนถึงการใช้บริการยังร้านต่าง ๆ ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลการบริโภคกับเส้นทางการเป็นลูกค้าหรือ Customer Journey ในขณะที่ระบบ Automation นั้นจะทำให้กิจกรรม Customer Service อย่างระบบ Chatbot ตอบรับคำสั่งซื้อ ข้อซักถามหรือข้อร้องเรียนต่าง ๆ การเปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นของรางวัลหรือส่วนลด สามารถตอบสนองกับพฤติกรรมของคนกลุ่ม Gen Now ได้เพิ่มมากขึ้นจากพัฒนาการของเทคโนโลยีของ Generative AI ที่มีความแม่นยำและศักยภาพสูงขึ้น

แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี IoT
AI / Robotic / Drone

      จากความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบ Big Data นำสู่ระบบสมองกลอัจฉริยะ (AI) ที่ช่วยในการวางแผนและตัดสินใจในการบริหารธุรกิจ ตัวอย่างเช่น การต่อยอดประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experiences) ผ่านการสนทนา และยังสามารถคาดเดาพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อวางแผนให้บริการตามเส้นทางการเป็นลูกค้า (Customer Journey) หรือใช้ AI จดจำสินค้าจากรูปภาพและรูปแบบที่เคยเลือก และ / หรือซื้อ พร้อมกับดำเนินการขายสินค้าในสต็อกได้อัตโนมัติ และสามารถคาดการณ์ข้อมูลที่จำเป็นได้รวดเร็ว เช่น ความผันผวนของปริมาณการจัดส่งสินค้าทั่วโลกล่วงหน้าก่อน จากข้อมูลหลายส่วนที่ได้รับมาประกอบกัน เป็นต้น อันนำมาซึ่งแนวทางการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ SME ดังแสดงแนวโน้มการเติบโตใน แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี AI

แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี AI

ที่มารูปภาพ: dotbeto.com

      เทคโนโลยี AI สามารถนำมาใช้ดั่งสมองของหุ่นยนต์ที่ปัจจุบันนำมาใช้ในคลังสินค้าและภาคค้าปลีกค้าส่งของผู้ประกอบการรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Amazon และ DHL เพื่อลดต้นทุนจากการใช้แรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายใต้ข้อมูลที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น การปรับตัวของผู้ประกอบการ SME ที่จะเป็นคู่ค้ากับผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ดังกล่าว จำเป็นต้องปรับการออกแบบทั้งขนาด น้ำหนัก และรูปร่างของบรรจุ-ภัณฑ์ รวมทั้งรายละเอียดบนฉลากที่สอดคล้องกับระบบบริหารสินค้าคงคลังสมัยใหม่

      ในขณะที่การขนส่งในภาคค้าส่งค้าปลีกบนแพลทฟอร์ม e-Commerce นั้น ศักยภาพของอากาศยานไร้คนขับหรือ Drone ก็ได้รับการพัฒนาให้สามารถรับน้ำหนักการขนส่งที่มากขึ้น ระยะเวลาและระยะทางที่เพิ่มขึ้น มีความแม่นยำในการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง การขึ้นลงสามารถทำได้ในแนวดิ่ง เหมาะกับการขนส่งในเขตเมืองที่มีอาคารสูงจำนวนมาก เทคโนโลยี Drone จะเป็นปัจจัยสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ (Disruption) ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และขนส่งสีเขียวปล่อยมลพิษลดลงในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ที่มารูปภาพeconomictimes.indiatimes.com

ที่มารูปภาพ: packagingdigest.com

ตัวอย่างเทคโนโลยี AI ที่สร้างผลกระทบต่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

      ตัวอย่างการนำ AI มาใช้ในการออกแบบ บรรจุภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแบรนด์ Boulder Canyon  ผ่าน Visual Brand Performance Platform ของบริษัท Vizit ในการวิเคราะห์สื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอสู่ผู้บริโภค รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ผ่านช่องทาง เพื่อประมวลผลองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งรูปภาพ ตัวอักษร สี และอื่นๆ ที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภคให้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มนยอดจำหน่ายได้ถึงร้อยละ 55 ในขณะที่ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการวิจัยตลาดแบบเดิมถึง 10 เท่า

Face Recognition  / Biometric

      ระบบการจดจำใบหน้าจะช่วยให้เกิดการสร้างประสบการณ์ความสะดวกและความผูกพันแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าขาประจำในธุรกิจบริการ ธุรกิจค้าปลีก / ค้าส่ง ให้สามารถการนำเสนอและจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีการจัดเก็บบันทึกประวัติการใช้บริการที่แม่นยำและนำสู่การวางแผนกลยุทธ์เชิงรุกส่งเสริมการขาย ที่สำคัญ ยังสามารถประสานเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลภายนอก ทั้งการใช้ฐานข้อมูลลูกค้าร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่น และการเฝ้าระวังบุคคลที่มีประวัติอาชญากรรม

      KYC ย่อมาจากคำว่า “Know Your Customer” หรือ “เข้าใจลูกค้าของคุณ” เป็นเครื่องมือที่พัฒนาจากเทคโนโลยี Face Recognition/Biometric ใช้ในการตรวจสอบและทำความรู้จักลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อการยืนยันตัวตนในการรับส่งสินค้า และทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อซื้อขายสินค้า ซึ่งถ้ามีการส่งข้อมูลการยืนยันตัวตนผ่านระบบดิจิทัลจะเรียกว่า e-KYC 


      โดยกระบวนการ KYC ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME และลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมซื้อขายร่วมกัน สามารถป้องกันการฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการทุจริตทางการเงินได้ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เช่น ชื่อ-นามสกุลจริง ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประจำตัวประชาชน และเอกสารประกอบอื่น ๆ เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลลูกค้า ลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าในสถาบันการเงิน บริษัททางการเงิน หรือกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ

Blockchain

      เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสามารถนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยี IoT เพื่อสร้างระบบการติดตาม Track and Trace ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง สามารถลดต้นทุนจากข้อผิดพลาดและการทุจริตภายใต้สายโซ่อุปทานได้อย่างดี ตั้งแต่การลงนามสัญญา e-Signature การรับประสินค้าของแท้ จนกระทั่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบการชำระเงินแบบ e-Wallet ที่สามารถใช้ในการชำระค่าบริการทั่วโลกได้ทุกสกุลเงิน รวมทั้งการเชื่อมต่อการใช้ Token ในการชำระค่าบริการหรือทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและ loyalty Program ภายใต้ระบบนิเวศแบบปิด อันนำมาซึ่งแนวทางการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ SME ดังแสดงแนวโน้มการเติบโตใน แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี Blockchain

แผนภาพ Hype Cycle คาดการณ์การเติบโตเทคโนโลยี Blockchain

ที่มารูปภาพbriansbulletin.com

ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและ loyalty Program

      Starbucks ได้สร้าง loyalty Program ผ่านการสะสมบนพื้นฐานของเทคโนโลยี NFT ที่พัฒนาบนบล็อกเชนของ Polygon blockchain เพื่อแลกของสะสมหรือแลกการได้สัมผัสประสบการณ์บนโลกเสมือนอย่างคอร์ส virtual espresso martini-making class บน Web3 ที่ชื่อ Starbucks Odyssey